ในโลกที่หมุนเร็วกว่าความถูกต้อง และเงินกลายเป็นมาตรฐานของศีลธรรม ภาพยนตร์ไทยเรื่อง ลักกันวันตาย (2025)” จาก Netflix คือหนึ่งในผลงานที่กล้าเผชิญหน้ากับ “ด้านมืดของความเป็นมนุษย์” ได้อย่างตรงไปตรงมาและน่าขนลุกที่สุดในปีนี้ ผลงานนี้กำกับโดย นิธิวัฒน์ ธราธร ผู้กำกับที่เราคุ้นเคยกับงานที่เคยสร้างให้ผู้ชมได้ ดูหนัง แนวอบอุ่นหัวใจอย่าง คิดถึงวิทยา และ แฟนฉัน แต่ครั้งนี้เขาพลิกแนวอย่างสิ้นเชิง สู่โลกที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังและการตัดสินใจผิดพลาด ไม่ใช่เพราะเขาอยากทำให้ผู้ชมตกใจ แต่เพราะเขาอยากให้เรามองเห็นมนุษย์ในภาวะที่ไม่มีทางเลือก บรรยากาศของหนังเต็มไปด้วยความหม่น ความร้อนระอุ และแรงกดดันจากทุกทิศทาง มันดึงผู้ชมเข้าสู่สภาวะอึดอัดแต่ละสายตาไม่ได้ ตั้งแต่ต้นจนจบ ด้วยงานภาพที่คมเข้ม การจัดแสงที่เยือกเย็น และเสียงดนตรีประกอบที่ค่อย ๆ ขุดความกลัวลึกที่สุดในใจคนออกมาอย่างช้า ๆ
นักแสดง/นำแสดงโดย
- เคน ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์ รับบทเป็น โต
- ริว วชิรวิชญ์ อรัญธนวงศ์ รับบทเป็น เพชร
- ฮิวโก้ จุลจักร จักรพงษ์ รับบทเป็น วอดก้า
- เอินเอิน ฟาติมา เดชะวลีกุล รับบทเป็น เข็ม
- เต๋า URBOYTJ หรือ จิรายุทธ ผโลประการ รับบทเป็น เสก
- น้ำฝน กุลณัฐ กุลปรียาวัฒน์ รับบทเป็น จ๋า

อ่านเรื่องย่อของ ลักกันวันตาย
โต เป็นพนักงานธนาคารผู้ทุ่มเทให้กับงานและความรับผิดชอบในฐานะหัวหน้าครอบครัว แต่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและภาระหนี้สิน โดยเฉพาะค่าเทอมโรงเรียนนานาชาติของลูกสาวที่พุ่งสูงขึ้นราวกับจะฆ่าเขาให้ตายทั้งเป็น ได้บีบคั้นจนเขาแทบหายใจไม่ออก

โตเริ่มเห็นประตูทางออกเมื่อเพื่อนร่วมงานรุ่นน้องอย่าง เพชร ผู้เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานแต่ขาดประสบการณ์ บังเอิญไปพบความลับดำมืดในระบบธนาคาร นั่นคือ บัญชีที่ไม่มีการเคลื่อนไหว ของหญิงชราคนหนึ่งที่เสียชีวิตไปอย่างโดดเดี่ยวไร้ทายาท และในบัญชีนั้นมีเงินสูงถึง 30 ล้านบาท โตตัดสินใจร่วมกันวางแผนกับเพชร ทำการโจรกรรมครั้งสำคัญที่สุดในชีวิต ด้วยการค่อย ๆ แอบยักยอกเงินจากบัญชีคนตายมาใช้ โดยคิดว่านี่คือการ “ลัก” ที่ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครตามหา และเป็นทางเดียวที่จะช่วยครอบครัวของเขาให้รอดพ้นจากวิกฤต

ดูหนัง รีวิวหนัง ลักกันวันตาย
หลังจาก “แฟนฉัน” และ “คิดถึงวิทยา” ผู้กำกับ นิธิวัฒน์ ธราธร พาเรากลับมาสู่โลกภาพยนตร์อีกครั้ง ด้วยผลงานที่แตกต่างจากทุกสิ่งที่เขาเคยทำ ลักกันวันตาย คือหนังไทยที่เยือกเย็นที่สุด ดิบที่สุด และเต็มไปด้วยความรู้สึกหนักอึ้งที่ค่อย ๆ กัดกินผู้ชมไปทีละน้อย เหมือนแผลลึกที่ไม่ยอมสมาน นักแสดงนำทุกคนถ่ายทอดความธรรมดา ได้อย่างเจ็บปวด ความเหนื่อย ความกลัว ความขัดแย้งในใจ ทุกการสั่นไหวของแววตาเหมือนมีบางสิ่งที่กำลังจมลงทีละน้อยในจิตใจของพวกเขา ไม่มีบทพูดยิ่งใหญ่ ไม่มีการแสดงที่โอเวอร์เกินจริง แต่เท่าที่ ดูหนัง เรื่องนี้ทุกฉากกลับเต็มไปด้วยแรงสะเทือนอารมณ์ในระดับที่เรียบแต่แรง อย่างน่าประหลาด ด้านนักแสดงนำ เคน ธีรเดช ถ่ายทอดชายผู้ถูกระบบโลกกดทับจนแหลกสลายได้อย่างยอดเยี่ยม เขาไม่ได้แสดงความชั่ว หรือความดี แต่แสดงความจำเป็น สิ่งที่คนธรรมดาทุกคนเข้าใจได้ดีว่า บางครั้งเราก็ไม่ได้ทำในสิ่งที่ถูก เพราะแค่อยากรอดเท่านั้น

นิธิวัฒน์ใช้ความนิ่งเป็นอาวุธหลักในการเล่าเรื่อง ไม่มีฉากแอ็คชั่นหวือหวา ไม่มีดนตรีเร้าใจ แต่ทุกเฟรมถูกออกแบบให้เต็มไปด้วยความเงียบที่บาดลึก กล้องเคลื่อนช้าแต่มั่นคง จับใบหน้าของตัวละครในระยะใกล้จนเรารู้สึกเหมือนนั่งอยู่ในหัวของพวกเขา โทนภาพเป็นสีหม่น เฉดเทาและน้ำตาลอ่อนที่สะท้อนชีวิตเมืองและความเหนื่อยล้าในสังคมสมัยใหม่ได้อย่างตรงไปตรงมา งานภาพของหนังเรื่องนี้ไม่สวยในแง่สุนทรียศาสตร์ แต่มันจริงจนเรารู้สึกเหมือนกลืนฝุ่นไปพร้อมกับตัวละคร นี่คือบทหนังที่ไม่เร้าอารมณ์ แต่เร้าใจอย่างเงียบ ๆ โครงสร้างเรื่องดำเนินไปอย่างเรียบง่าย แต่คมและแหลมเหมือนใบมีดโกน บทพูดไม่เยอะ แต่ทุกคำมีน้ำหนัก บางประโยคเหมือนจะธรรมดา แต่ทิ่มแทงจนคนดูต้องนิ่งคิด นี่คือหนึ่งในภาพยนตร์ไทยที่กล้าหาญที่สุดในปี 2025 มันไม่พยายามเอาใจตลาด ไม่ขายความสะเทือนใจราคาถูก แต่เล่าเรื่องความจริงของชีวิตคนธรรมดาด้วยภาษาภาพยนตร์ที่เฉียบขาด

Leave a Reply