ถ้าคุณชอบหนังสยองขวัญที่ทั้งหลอน ขำ และมีความเป็นดราม่าครอบครัวซ่อนอยู่ในพล็อต Daddys Head ผีหัวพ่อ คือหนึ่งในหนังที่ไม่ควรพลาด ผลงานจาก เบนจามิน บาร์ฟุต ผู้กำกับอินดี้ที่เคยสร้างชื่อกับหนังแนวสยองเหนือจริงมาก่อน หนังใช้โทนเล่าเรื่องแบบดาร์คคอมเมดี้ ผสมความสยองอย่างลงตัว บรรยากาศในเรื่อง ดูหนัง แล้วให้รู้สึกทั้งขำและขนลุกในเวลาเดียวกัน นักแสดงนำแสดงอารมณ์ออกมาได้หลากหลาย ตั้งแต่ความเศร้า ความกลัว ไปจนถึงช่วงเวลาที่ประชดประชันแบบตลกร้าย จุดเด่นของหนังคือการเล่นกับสัญลักษณ์เรื่อง ครอบครัวและการสูญเสีย ทำให้คนดูรู้สึกมีส่วนร่วมกับตัวละคร ถ้าคุณเป็นแฟนหนังผีที่อยากสัมผัสรสชาติแปลกใหม่ Daddy’s Head คือคำตอบที่ดี เพราะมันไม่ได้มาเพื่อทำให้คุณกลัวอย่างเดียว แต่มันทำให้คุณขำ หัวเราะแห้ง ๆ และอาจจะน้ำตาซึมเล็กน้อยด้วยซ้ำ
นักแสดง/นำแสดงโดย
- รูเพิร์ต เทิร์นบูล รับบทเป็น ไอแซค
- จูเลีย บราวน์ รับบทเป็น ลอร่า
- ชาร์ลส์ ไอต์เคน รับบทเป็น เจมส์
- นาธาเนียล มาร์เทลโล-ไวท์ รับบทเป็น โรเบิร์ต
- แมรี่ วูดไวน์ รับบทเป็น แมรี่
- นิลา อาเลีย รับบทเป็น เฮเธอร์
- เล็กซี่ ออสติน-โจนส์ รับบทเป็น อเล็กซ์

อ่านเรื่องย่อของ Daddys Head ผีหัวพ่อ
เรื่องราวของครอบครัวหนึ่งที่ต้องเผชิญกับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติหลังจากการตายของพ่อในครอบครัว โดยหลังจากการเสียชีวิตของเขา หัวของพ่อ ได้กลับมาปรากฏตัวในบ้านและเริ่มมีอิทธิพลต่อชีวิตของลูกชายและสมาชิกในครอบครัว ลูกชายของครอบครัวเริ่มสงสัยว่าการตายของพ่ออาจไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา และเมื่อหัวพ่อเริ่มปรากฏตัวในที่ต่างๆ ภายในบ้าน ลูกชายจึงตัดสินใจหาคำตอบว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร และมันเกี่ยวข้องกับความลับอะไรในอดีตของครอบครัว

ในระหว่างการสืบค้น เขาพบว่าหัวพ่อที่ปรากฏมีความเกี่ยวข้องกับความเชื่อทางวิญญาณและคำสาปโบราณที่ไม่เคยถูกเปิดเผยมาก่อน ลูกชายต้องเผชิญกับการต่อสู้ทั้งในทางจิตใจและทางกายภาพ เพื่อหาทางหยุดยั้งคำสาปนี้และอยากให้วิญญาณพ่อของเขาไปพักผ่อนอย่างสงบ

ดูหนัง รีวิวหนัง Daddys Head ผีหัวพ่อ
บทของ Daddys Head ผีหัวพ่อ ถือว่าเป็นจุดแข็งที่สุดของเรื่อง ผู้เขียนบทกล้าที่จะเล่าเรื่องแนวสยองขวัญในแบบที่ไม่เดินตามสูตรสำเร็จ หนังเปิดฉากด้วยความสูญเสียของครอบครัว แล้วโยนผู้ชมเข้าสู่สถานการณ์ที่ทั้งเหนือจริงและน่าขนลุก การให้ “หัวของพ่อ” กลายมาเป็นตัวละครที่มีบทบาทสำคัญ เป็นการเปรียบเทียบเชิงสัญลักษณ์ถึงบาดแผลทางใจที่ครอบครัวยังแบกรับอยู่ได้อย่างเฉียบคม เรื่องราวมีทั้งดราม่าลึกซึ้ง ความขำขันแบบดาร์คคอมเมดี้ และความระทึกที่ค่อย ๆ ไล่ระดับ ทำให้ผู้ชมที่ ดูหนัง รู้สึกเหมือนอยู่ในบ้านเดียวกับตัวละคร และต้องเผชิญความจริงไปพร้อมกัน หนังเล่าประเด็นครอบครัว ความผิดบาป และการปลดปล่อยจากอดีตอย่างน่าสนใจ นักแสดงนำทำหน้าที่ได้ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะบทของแม่และลูกที่ต้องเผชิญกับการสูญเสีย ทั้งคู่สามารถแสดงความรู้สึกได้หลากหลาย ทั้งเศร้า กลัว สับสน และบางครั้งก็ตลกประชดประชันได้อย่างกลมกลืน เคมีระหว่างนักแสดงทำให้คนดูเชื่อว่าพวกเขาเป็นครอบครัวจริง ๆ นักแสดงที่ให้เสียง (Voice Acting) หัวของพ่อ ก็เป็นอีกหนึ่งจุดเด่น เพราะสามารถสร้างอารมณ์กึ่งหลอนกึ่งขำได้อย่างลงตัว น้ำเสียงบางฉากทำให้คนดูขนลุก แต่บางฉากก็เรียกเสียงหัวเราะได้

ผู้กำกับภาพเลือกใช้โทนสีหม่น ๆ ตลอดทั้งเรื่อง ทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนอยู่ในบรรยากาศที่กดดันและไม่ปลอดภัย การใช้เงา การจัดแสงที่เน้นมุมมืด และการเคลื่อนกล้องช้า ๆ สร้างความอึดอัดได้อย่างดี ฉากในบ้านมีการวางมุมกล้องที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนมี “สายตาอีกคู่” กำลังมองอยู่เสมอ ผู้กำกับเลือกเล่าเรื่องด้วยจังหวะที่ค่อยเป็นค่อยไป ไม่รีบเปิดเผยทุกอย่างตั้งแต่ต้น ซึ่งช่วยให้คนดูได้ซึมซับอารมณ์และความสัมพันธ์ของตัวละครก่อนจะพาเข้าสู่ช่วงไคลแม็กซ์ที่เข้มข้น การผสมระหว่างความสยองกับอารมณ์ขันทำให้หนังไม่หนักจนเกินไป และยังดูเพลินแม้จะมีเนื้อหาดราม่า ดนตรีในเรื่องถูกใช้เพื่อเสริมอารมณ์ได้อย่างมีชั้นเชิง เสียงกระซิบ เสียงกระทืบเท้า เสียงหัวเราะเบา ๆ ของพ่อที่หายไป ถูกผสมเข้ากับซาวด์ดนตรีอย่างลงตัว ทำให้ความหลอนค่อย ๆ ก่อตัวขึ้น ไม่ใช่การตกใจแบบฉับพลันเพียงอย่างเดียว
Leave a Reply