รีวิว Blood Red Sky ฟ้าสีเลือด ซ่อนความรักอันเจ็บปวดไว้ในใจปีศาจ

หากคุณคิดว่า “เครื่องบินถูกจี้” คือเหตุการณ์เลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้นบนท้องฟ้า ลองคิดใหม่อีกครั้ง เพราะใน Blood Red Sky ฟ้าสีเลือด มันไม่ได้มีแค่ผู้ก่อการร้ายที่อยู่บนเครื่อง แต่ยังมี “บางสิ่งที่กระหายเลือด” ซ่อนอยู่ท่ามกลางผู้โดยสารกว่า 300 ชีวิต ดูหนัง แอ็คชั่น–สยองขวัญจาก Netflix กำกับโดย ปีเตอร์ ธอร์วาร์ธ เรื่องนี้เปิดฉากด้วยเที่ยวบินกลางคืนจากยุโรปสู่สหรัฐฯ ที่กลายเป็นฝันร้ายสุดระทึก เมื่อผู้ก่อการร้ายพยายามยึดเครื่องบิน แต่ไม่รู้เลยว่ามีหญิงคนหนึ่งบนเครื่อง “ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา” เธอคือแม่ที่ต้องต่อสู้เพื่อปกป้องลูกชาย ด้วย “พลังแห่งปีศาจรัตติกาล” ในตัวเอง หนังนำเสนอความแปลกใหม่ของแนว “แวมไพร์” ผสมกับ “หนังแอ็กชันจี้เครื่องบิน” ได้อย่างเหนือชั้น เต็มไปด้วยความลุ้นระทึกแบบไม่ให้พักหายใจ พร้อมประเด็นดราม่าความเป็นแม่ที่เรียกน้ำตาได้ไม่แพ้ความสยอง

นักแสดง/นำแสดงโดย

• เปริ บาวไมสเตอร์ รับบทเป็น นาเดีย
• อเล็กซานเดอร์ เชียร์ รับบทเป็น เอทบอล
• ไกส์ เซตติ รับบทเป็น ฟาริด
• คาร์ล โคช รับบทเป็น เอเลียส
• กอร์ดอน บราวน์ รับบทเป็น บิล มอร์ริส
• โรแลนด์ มอลเลอร์ รับบทเป็น คาร์ล
• ชิดิ อาจูโฟ รับบทเป็น เคอร์ติซ
• โดมินิก เพอร์เซลล์ รับบทเป็น เบิร์ก

อ่านเรื่องย่อของ Blood Red Sky ฟ้าสีเลือด 

นาเดีย หญิงสาวผู้ป่วยโรคร้ายแรงที่กำลังเดินทางจากเยอรมนี ไปยังนิวยอร์ก เพื่อรับการรักษาที่สามารถช่วยชีวิตลูกชายของเธอที่ชื่อว่า เอเลียส ซึ่งมีอาการป่วยเหมือนกัน แต่กลับต้องเผชิญกับเหตุการณ์ไม่คาดคิดบนเครื่องบินที่พวกเขานั่งไป ในระหว่างการเดินทาง เครื่องบินที่พวกเขานั่งอยู่ถูกกลุ่มผู้ก่อการร้ายบุกจี้ โดยผู้ก่อการร้ายมีแผนที่จะควบคุมเครื่องบินและใช้มันในการโจมตีในเมืองใหญ่ แต่เรื่องกลับพลิกผันเมื่อ นาเดีย ต้องเปิดเผยความลับที่ไม่สามารถปิดบังได้อีกต่อไป

นาเดีย จริงๆ แล้วไม่ใช่แค่ผู้หญิงที่ป่วยธรรมดา แต่เธอเป็น “แวมไพร์” หรือมีอาการเหมือนแวมไพร์ที่เกิดจากการทดลองทางการแพทย์ผิดพลาดที่ทำให้เธอมีชีวิตยืนยาวและสามารถฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ต้องเสี่ยงต่อการกลายเป็นสัตว์ร้ายที่เต็มไปด้วยความกระหายเลือด เมื่อการจี้เครื่องบินเริ่มรุนแรงขึ้น และคนในเครื่องเริ่มตกอยู่ในอันตรายจากกลุ่มผู้ก่อการร้าย นาเดียไม่สามารถอดทนต่อความกระหายเลือดของตัวเองได้ และเริ่มกลายร่างเป็น แวมไพร์ ที่ต้องต่อสู้เพื่อปกป้องลูกชายของเธอและผู้โดยสารคนอื่น ๆ จากการที่เธอกลายเป็นอันตราย

ดูหนัง รีวิวหนัง Blood Red Sky ฟ้าสีเลือด 

สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของ Blood Red Sky ฟ้าสีเลือด คือแนวคิดที่ผสมผสานระหว่าง หนังจี้เครื่องบิน (Hijacking) กับ หนังแวมไพร์เชิงดราม่า ได้อย่างลงตัวอย่างน่าทึ่ง บทของ ปีเตอร์ ธอร์วาร์ธ เล่าเรื่องอย่างค่อยเป็นค่อยไป เริ่มจากความสงสัย ก่อนค่อย ๆ เผยให้เห็นชั้นลึกของตัวละครแม่–ลูก ที่ต้องหนีเอาชีวิตรอดท่ามกลางเหตุการณ์สุดระทึกบนฟ้า ถึงแม้โครงสร้างบางส่วนจะใช้สูตรสำเร็จของหนัง “หนีตาย” แต่หนังกลับเพิ่มความสดใหม่ด้วยมิติด้านอารมณ์ โดยเฉพาะ “การเสียสละของแม่ที่กลายเป็นปีศาจเพื่อปกป้องลูก” ซึ่งเป็นจุดที่ทั้งเศร้าและทรงพลังมาก เปริ บาวไมสเตอร์ในบท นาเดีย คือหัวใจหลักของเรื่อง เธอสามารถถ่ายทอดได้ทั้ง “ความเจ็บปวดของแม่” และ “สัญชาตญาณสัตว์ร้ายของแวมไพร์” อย่างยอดเยี่ยมสีหน้า แววตา และน้ำเสียงของเธอทำให้ผู้ชมเชื่อว่า “เธอคือมนุษย์ที่พยายาม ต่อสู้กับปีศาจในตัวเอง” ส่วนเด็กชาย คาร์ล โคช ที่รับบทลูกชาย ก็เล่นได้เป็นธรรมชาติ ทำให้ความสัมพันธ์แม่ลูกดูจริงและสะเทือนใจสุด ๆ ด้านฝั่งผู้ร้าย โดยเฉพาะ โดมินิก เพอร์เซลล์ (จาก Prison Break) ช่วยเพิ่มมิติของความโหดและไร้ศีลธรรมได้ดี ผู้กำกับ ปีเตอร์ ธอร์วาร์ธ คุมจังหวะเรื่องได้เก่งมาก ฉากแรก ๆ เน้นสร้างบรรยากาศอึดอัดและลึกลับ ก่อนจะระเบิดความโกลาหลในครึ่งหลัง เขาเลือกใช้โทนภาพเย็นจัด สะท้อนความหนาวเหน็บและความโดดเดี่ยวบนท้องฟ้า ส่วนฉากสยองขวัญและเลือดสาดก็ทำได้ถึงขั้น “ไม่ต้องแรงแต่หลอนลึก” ใช้แสงเงาและเสียงแทนภาพโหดจนคนดูขนลุก